วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แบรนด์ดังในอดีตที่ปรับตัวไม่ทันจนต้องค่อยๆหายไปจากโลกใบนี้

       ในวงการของโลกเทคโนโลยีนั้นมีการแข่งขันกันทุกวีทุกวันจนบางค่ายนั้นเกิดการปรับตัวไม่ทันและสุดท้ายนั้นก็เป้นที่มาของการล้มลายหรือเกิดการขาดทุนหนักจนต้องขายหุ้นทิ้งเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนั้น เพื่อที่บริษัทจะได้ดำเนินการต่อไปได้อย่างเฉกเช่น ในปัจจุบันที่บริษัทยักใหญ่ด้านไอทีต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วงเพื่อต่อสู้กับศึกที่ใหญ่หลวง อย่างเช่น บริษัท Microsoft ที่ต้องปรับตัวจากธุรกิจมากมายเนื่องจากเน้นพีซีมากเกินไปแต่ความนิยมลดลง บริษัทจึงขาดทุนและต้องปรับโครงสร้างบริษัทใหม่หมดด้วยปลดพนักงานและภาระที่ไม่จำเป็นออกเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายนั้นเอง




 Sony Ericsson แบรนด์นี้เกิดจากการรวมตัวของ Sony และ Ericsson เพื่อที่ว่าจะมาบุกตลาดโทรศัพท์ในยุคที่โทรศัพท์มามีบทบาทกับผู้คนที่มากขึ้น ถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับมากพอสมควร แต่ว่าในช่วงปี 2008-2009กลับต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่ว่า น่ากลัวกันพอสมควรอย่างเช่น Apple HTC  RIM เพราะว่าเข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟนแล้วทำให้ ปรับตัวไม่ทันและยอดขายต้องตกลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยขายได้ 93 ล้านเครื่องลดลงอย่างรวดเร็ว เป็น 43 ล้านเครื่อง และที่สำคัยตอนนั้นแอนดรอยกำลังมาแรง ทั้งๆที่โซนี่ ยังใช้ Symbian ของ Nokia ที่กำลังจะยุติการผลิต เลยทำให้ยอดขยตกหนักลงไปอีก และเป็นที่มาของการปลดพนักงานจำนวนมาเนื่องจากขาดทุนหลังจากนั้น ในปี 2010 Sony ได้ซื้อหุ่นมือถือจาก Ericsson และเปลี่ยนชื่อจาก Sony Ericsson มาเป็น Sony และได้ใช้ Android เป็น OS หลักมนเวลาต่อมา






Nokia พูดถึงชื่อนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอย่างแน่นอน เจ้าพ่อแห่งวงการโทรศัพท์ที่ครองอันดับ 1มามากว่า 14 ปี แต่ทว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2010 ที่ บริษัทพยายามจะปรับตัวเพื่อเข้าสู่ยุคของสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัว แต่ว่าก้าวนั้น เป็นก้าวที่เลือกผิดเนื่องจาก Elop ซีอีโอโนเกียได้เลือก ระบบปฏิบัตการ WindowsPhone จาก Microsoft ความนิยมช่วงแรกนั้นเริ่มดีขึ้นมากด้วยเปิดตัว Nokia Lumia 920 ที่สร้างยอดขายได้มากมาย แต่ว่ายังไงก็แพ้ แอนดรอยในเรื่อง แอพที่น้อยกว่าปกติ ความนิยมเลยลดลงแต่ยังทรงตัวได้บ้างเนื่องจาก เด่นเรื่องเทคโนโลยี Pureview และ ระบบต่างๆ ที่แปลกใหม่ แต่ทว่ายอดขายก็ยังขายได้เรื่อยๆและมาขาดทุนหนักในไตรมาส3 ปี 2013 บริษัทเลยหาทางออก ด้วยการขายแผนกมือถือให้กับไมโครซอฟต์ Nokia เลยต้องยุติบทบาทด้านมือถือ จนถึงสิ้นปี 2016 ถึงจะสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้ง





Motorola นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องมือสื่อสารมาก่อน หน้าที่ โมโดตโรลา ได้ตัดสินใจทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ โทรศัพท์ด้วย แต่ว่าทว่าในช่วงปี 2007 ได้ขาดทุนอย่างหนักถึง  4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยต้องทำให้แยกตัวออกเป็นสองธุรกิจและธุรกิจที่สำคัญนั้นคือ Motorola Mobility ที่เกี่ยวกับมือถือแต่ว่ายังขาดทุนเหมือนเดิมเลยได้เจรจากับกูเกิลเพื่อดีลกันและขายให้กับกูเกิลในเวลาต่อมา แต่ยังใช้ชื่อเดิมแต่อย่างไรก็ตามกูเกิลได้ขายธุรกิจมือถือ ให้กับ Lenovo ในปี 2014 ในเวลาต่อมาแต่ว่ายังไม่เห็นทางเลอโนโว่ จะออกรุ่นใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากต้องการใช้แค่สิทธิบัตรจาก โมโต เท่านั้นเหมือนจะไม่มีชื่อ โมโตเลย




MySpace เคยเป็น Social Network อันดับหนึ่งของโลก เมื่อปี 2005 ทาง News Corp ได้ซื้อ MySpace ไปด้วยราคาที่ไม่แพงเท่าไร ($580 million) แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็เกิด Facebook ขึ้น และทำให้ความนิยมในตัว ของ Myspace ลดลงอย่างมากจนทำให้บริษัทนั้นต้องขาดทุนและยังต้องการหาบริษัทที่จะมาซื้อไปอีกด้วยแต่ยังไม่มใครเสนอตัวมาซื้อแต่อย่างใด จนมีบรฺษัทนึ่งเข้าซื้อด้วย มูลค่าเพียง 100 milion เท่านั้นเพื่อใช้ในเรื่องของการสร้างฐานลูกค้านั้นเอง




Kodak กดักเคยเป็นผู้ผลิตฟิล์มถ่ายภาพที่มียอดขายอันดับหนึ่งมาตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในปี ค.ศ. 1976 มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 90% ของตลาดสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ เป็นผู้พัฒนากล้องดิจิตอลรายแรกของโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975  แต่บริษัทกลับไม่กระตือรือร้นที่จะออกผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล เพราะเกรงว่าจะไปแย่งตลาดฟิล์มถ่ายรูปของตนเอง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายตกต่ำลงในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เนื่องจากความต้องการใช้ฟิล์มถ่ายภาพลดลงอย่างรวดเร็ว และความล่าช้าในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่  บริษัทประกาศล้มละลายเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2012  และประกาศเลิกผลิตกล้องดิจิตอล กล้องวิดีโอ โดยมุ่งเน้นไปทำตลาดการบริการภาพถ่ายดิจิตอลแทน 




Blackberry เมื่อถึงคราวก่อนหน้านี้แบลคเบอรรี่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 2009-2010 แต่พอมาถึงยุคของสมาร์ทโฟนที่แอพพลิเคชั่นนั้นมีบทบาทมากขึ้นและก็เปิดกว้างกว่าเดิมมากกว่าการแชทเดิมๆ ตาม แบบ BBM เลยต้องพ่ายแพ้คู่แข่งอย่าง Nokia Apple Samsung HTC ไปแต่ว่าได้กลับมาด้วยการนำระบบปฏิบัติการใหม่มาที่มีชื่อว่า QNX ที่บอกว่าคือนาคตของแบลคเบอรรี่แต่ว่ายังขาดทุนและปิดโครงการไปในสุดและบริษัทก็ขาดทุนหนักอย่างต่อเนื่องส่วนแบ่งการตลาดก็ลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา BlackBerryที่เคยมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในโลกสูงถึง 19.5%  แต่ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 1% เท่านั้น โดยเดือนมิถุนายน ได้รายงานว่ามียอดขายโทรศัพท์ลดลง 76% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา






Plam OS 
Palm  ซึ่งทำท่าไปไม่รอดมาได้ระยะหนึ่ง  แม้ว่าจะพยายามปรับกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการเปิดตัว ‘Pre’  ออกมา  และยังไร้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างแอปเปิ้ลที่ยังไม่สนใจตลาดสมาร์ทโฟน ยอดขายของปาล์มมีเพียง 482,000 เครื่องลดลงไปถึง 42% รายรับลดลงจนกิจการประสบผลขาดทุน 95 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้จะปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นระบบ เว็บโอเอส Web OSยังไปไม่รอดเพราะว่าเจอคู่แข่งอย่าง Apple ที่ว่าน่ากลัวแล้วมาเจอ Android น่ากลัวหกว่าอีก และเหตุนี้ทำให้ยอดขายตกลง HP ได้ประกาศขายหุ้นทิ้งและยุติการพัฒนาในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เว็บโอเอสได้ถูกพัฒนาเป็น โอเอสใน สมาร์ททีวี ในค่ายเกาหลีในปัจจุบัน


Zynga
บริษัทผลิตเกมฟาร์มวิลล์ ที่เคยฮิตในเฟสบุ๊กเมื่อก่อน เฟสบุ๊กเคยให้ความสนใจกับบริษัทนี้มาก แต่แล้วการมาของ เกมส์ Candy Crush จากบริษัทคิง ดิจิตอล และไม่สามารถเรียกความนิยมกลับมาได้อีก เฟสบุ๊กก็ตีจากไปอย่างไม่ใยดี


ที่มา  wikipedia
         marketingoops.com
เรียบเรียง SoftTechlogy 
ติดตามเราได้ที่ www.facebookk.com/softtechlogy
                         http://softtechlogiess.blogspot.com


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น